นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมกำลังนำระบบเทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามสินค้าหนีภาษีทางออนไลน์ และสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น หลังจากผู้กระทำผิดได้หันไปจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไลน์ รวมถึงเว็บไซต์แทน โดยในต้นปีหน้า กรมฯ จะขยายความร่วมมือทางข้อมูล และการปราบปราม กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงทางทหาร เพื่อปราบปรามผู้กระทำผิดถึงต้นตอมากกว่าเดิม
“การทำงานศูนย์ปราบปราบสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ จะมีการรวบรวมและเก็บข้อมูลจากผู้โพสต์ขายสินค้า ตามช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ สุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และนำมาประมวลผล เช่น หากพบว่าขายสินค้าราคาถูกกว่าปกติ ก็จะนำมาตรวจสอบเชิงลึกว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การจับกุม และสืบสวนต่อไปยังต้นตอ หรือโกดังของผู้ค้ารายใหญ่”
ตัวอย่างล่าสุด ได้มีการติดตามจับกุมบุหรี่หนีภาษีในเขตพื้นที่ภาคใต้ครั้งใหญ่ได้ 250,000 ซอง 9 ยี่ห้อ คิดเป็นค่าปรับ 247 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการตั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ ของกรมสรรพสามิต ที่ตั้งขึ้นเพื่อรองรับลักษณะการกระทำผิดที่เปลี่ยนแปลงไป จากการขายตามหน้าร้านมาเป็นการขายทางออนไลน์ ดำเนินการสืบสวนหาข่าวลงพื้นที่เพื่อติดตามจนทราบถึงแหล่งที่มา วิธีการจำหน่าย สถานที่เก็บสินค้า โดยให้เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบป้องกันและปราบปราม ดำเนินการล่อซื้อบุหรี่ผิดกฎหมาย จนทำให้ทราบถึงแหล่งที่ตั้งและสถานที่จำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายที่จับกุมได้ในครั้งนี้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายเอกนิติ กล่าวว่า ส่วนผลงานการจับกุมเฉพาะศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ ตั้งแต่ 9 มิ.ย.-7 ธ.ค.65 ดำเนินคดีได้ 199 คดี คิดเป็นค่าปรับ 88 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 40 คดี โดยมีคดีที่เกี่ยวข้องกับยาสูบมากสุด ขณะที่ผลการปราบปรามยาสูบในรอบปีงบประมาณ 65 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 ถึงวันที่ 30 ก.ย.65 พบว่า มีการกระทำผิด 9,398 คดี สูงกว่าปีก่อน 2,274 คดี หรือ 31.92% คิดเป็นค่าปรับ 1,610 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน คิดเป็นค่าปรับ 492 ล้านบาท โดยมีของกลางยาสูบ 4 ล้านซอง สูงกว่าปีก่อน 2.56 ล้านซอง.
คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง